
วันนี้ (12 พฤศจิกายน 2568) คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประกอบด้วยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย แถลงจุดยืนต่อร่าง พรบ. สำคัญ 3 ฉบับ ได้แก่ 1) ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … 2) ร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. … และ 3) ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …
ดร.พจน์ อร่ามวัฒนานนท์ ประธานกรรมการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร) กล่าวว่า ตามที่ สภาผู้แทนราษฎร ได้เห็นชอบรับหลักการ ร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ทั้ง 2 ฉบับ เมื่อวันที่ 24 กันยายน 2568 และอยู่ระหว่างเสนอสภาผู้แทนราษฎร 1 ฉบับ โดยมีการแก้ไขกฎหมาย อาทิ การกำหนดชั่วโมงการทำงานไม่เกินสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง การกำหนดวันหยุดประจำสัปดาห์ไม่น้อยกว่า 2 วัน และการเพิ่มสิทธิวันลาพักผ่อนประจำปี , การปรับปรุงสิทธิการลาหยุดเนื่องจากมีประจำเดือน การลาเพื่อดูแลบุคคล ในครอบครัว การจัดสถานที่และเวลาสำหรับการให้นมบุตรหรือน้ำนมบีบเก็บในสถานประกอบการ และการกำหนดให้เพิ่ม บทนิยามคำว่า “การจ้างงานรายเดือน” เป็นการจ้างงานที่มีลักษณะ เป็นงานประจำและเต็มเวลา โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน และกำหนดให้คณะกรรมการค่าจ้างต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มทุกปี นั้น
คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร) ได้รับข้อร้องเรียนและความกังวลจากสมาชิกทั่วประเทศ ทั้งจากหอการค้าจังหวัดมากกว่า 70 จังหวัดทั่วประเทศ สภาอุตสาหกรรมจังหวัด กลุ่มอุตสาหกรรมต่างๆ สมาคมการค้ามากกว่า 90 สมาคม และ หอการค้าต่างประเทศอีกจำนวนหนึ่งที่ไม่เห็นด้วยและคัดค้านกับร่างกฎหมายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งร่างกฎหมายที่ขาดการประเมินผลกระทบกฎหมาย (Regulatory Impact Assessment RIA) อย่างรอบด้าน ซึ่งเป็นกระบวนการสำคัญในการพิจารณาความเหมาะสมและผลกระทบต่อภาคส่วนต่าง ๆ ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวมีหลายมาตราที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวม และเพิ่มภาระต้นทุนการจ้างงานให้กับนายจ้างในภาวะเศรษฐกิจที่ยังผันผวน โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ที่ต้องเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้นจากการปรับข้อกำหนดของกฎหมายใหม่ นอกจากนี้ ยังอาจส่งผลให้เกิดการลดลงของความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการดึงดูดการลงทุนของประเทศไทยในภาพรวมอีกด้วย
ฉบับที่ 1 ร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของ สส.จรัส คุ้มไข่น้ำ และคณะ โดยมีผลกระทบ 3 ด้าน ดังนี้
หากพิจารณาประเด็นการปรับกฎหมายคุ้มครองแรงงานใหม่ในส่วนการกำหนดชั่วโมงการทำงานไม่เกินสัปดาห์ละ 40 ชั่วโมง จาก 48 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ จะผลักดันให้แรงงานที่พึ่งพาการทำงาน 48 ชั่วโมงบวก OT ในการใช้ชีวิตประจำวัน จับจ่ายใช้สอย และชำระหนี้ ต้องหันไปพึ่งสินเชื่อนอกระบบที่มีดอกเบี้ยสูงขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้กฎหมายที่เข้มงวดดังกล่าว จะนำไปสู่ความเหลื่อมล้ำในการบังคับใช้ โดยเฉพาะสถานประกอบการขนาดเล็ก หรือ SMEs รวมทั้งแรงงานในภาคเกษตร ภาคบริการ ร้านค้าปลีกและค้าส่ง ซึ่งจะเป็นกลุ่มที่จะลดการจ้างงาน จนไปสู่การจ้างงานนอกระบบหรือการจ้างงานผิดกฎหมายอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นโยบายลดชั่วโมงการทำงานที่ไม่มีกลไกที่ชัดเจนในการเพิ่มผลิตภาพแรงงาน จะทำให้เกิดความเสี่ยงที่ผลิตภาพมวลรวมของประเทศลดลงหรือเลวร้ายลงโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลกระทบต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยจะพบว่าผลิตภาพแรงงานไทยหดตัวเฉลี่ย -0.6% ต่อปี ในขณะที่แรงงานกว่า 60% ขาดทักษะพื้นฐานที่จะทำงานเสริมในด้านอื่นๆ เนื่องจากรายได้ที่หายไปจากการลดเวลาทำงาน 16.7% ทั้งนี้การลดชั่วโมงเวลาทำงานดังกล่าวไม่ได้เพิ่มผลิตภาพการผลิต แต่ทำให้ต้นทุนแรงงานต่อหน่วยสูงขึ้น กระทบต่อภาคการผลิตและการส่งออกโดยรวมของประเทศ
ฉบับที่ 2 ร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของ สส.วรรณวิภา ไม้สน และคณะ โดย กกร. คิดเห็นว่าการออกกฎหมายฉบับนี้เป็นการออกกฎหมายเกินความจำเป็น เนื่องจากกฎหมายคุ้มครองแรงงานในปัจจุบันเป็นกฎหมายที่ครอบคลุมและดูแลลูกจ้างดีแล้ว ทั้งในส่วนของพันธกรณีระหว่างประเทศของประเทศไทย การบัญญัติสิทธิลาพิเศษที่สำคัญสำหรับสตรีอาจจะถือเป็นการเลือกปฏิบัติภายใต้อนุสัญญาฉบับที่ 111 โดยถือเป็นเอกสิทธิ์ที่เกินกว่ามาตรการพิเศษเพื่อการคุ้มครองหรือความช่วยเหลือที่อนุสัญญาอนุญาตกำหนดไว้ และยังอาจถือว่าไม่สอดคล้องกับอนุสัญญาฉบับที่ 100 เนื่องจากส่งผลให้เกิดความไม่เท่าเทียม ความเสมอภาคและเป็นธรรมระหว่างลูกจ้างชายและหญิง ดังนั้นควรให้เป็นไปตามข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้างตามหลักของกฎหมายแรงงานสัมพันธ์แนะนำเป็นกรณีไป
ทั้งนี้ในส่วนการให้ลูกจ้างมีสิทธิลาไปดูแลบุคคลในครอบครัว หรือบุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด ที่พำนักอยู่ในโรงพยาบาลในฐานะผู้ป่วยใน หรือผู้ป่วยที่มีความต้องการการดูแลทางร่างกายและจิตใจ ปีละไม่เกิน 15 วันทำงานนั้น กกร. เห็นควรระบุให้ชัดเจนว่าเป็นใครบ้าง เพราะบุคคลในครอบครัวหรือบุคคลอื่นใดที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิด เป็นถ้อยคำที่กว้างเกินไปทำให้เกิดปัญหาในทางปฏิบัติได้ ถ้อยคำที่สมควรใช้ต้องชัดเจนและแน่นอน เช่น บิดา มารดา บุตร สามี หรือภริยา เช่นเดียวกับถ้อยคำที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 193
อีกทั้งการกำหนดให้มีรายละเอียดให้นายจ้างจัดพื้นที่ให้นมบุตรหรือบีบเก็บน้ำนม และกำหนดให้ลูกจ้างพักให้นมบุตรหรือบีบเก็บน้ำนมไม่น้อยกว่าสองครั้ง ครั้งละสามสิบนาที ในช่วงเวลาแปดชั่วโมงของ การทำงาน ตลอดระยะเวลาอย่างน้อยหนึ่งปีหลังคลอด โดย กกร. เห็นว่าปัจจุบันผู้ประกอบการได้เข้าร่วมโครงการจัดตั้งมุมนมแม่ ของกระทรวงสาธารณสุขเป็นจำนวนมาก ดังนั้นควรส่งเสริมความร่วมมือมากกว่า การออกกฎหมายบังคับและการออกกฎหมายเกินจำเป็น โดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ในกลุ่มแรงงานในภาคเกษตร ภาคบริการ ร้านค้าปลีกและค้าส่ง ไม่สามารถปฏิบัติได้ เป็นต้น
ฉบับที่ 3 ร่าง พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. ของ สส.เซีย จำปาทอง และคณะ โดย กกร. เห็นว่า การกำหนดให้เพิ่มบทนิยามคำว่า “การจ้างงานรายเดือน” เป็นการจ้างงานที่มีลักษณะเป็นงานประจำและเต็มเวลา โดยลูกจ้างได้รับค่าจ้างเป็นรายเดือน เป็นการกระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลในการทำสัญญาเกินความจำเป็น และขัดต่อหลักเสรีภาพในการทำสัญญา
อีกทั้งการกำหนดให้คณะกรรมการค่าจ้างต้องปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเพิ่มทุกปี โดย กกร. เห็นว่า การปรับอัตราจ้างขั้นต่ำย่อมขึ้นอยู่กับตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สะท้อนให้เห็นถึง ความสามารถในการจ่ายของนายจ้างและค่าครองชีพของลูกจ้างตามที่บัญญัติไว้แล้วในกฎหมายปัจจุบันโดยให้ความสำคัญกับคณะกรรมการค่าจ้างฯ คณะกรรมการไตรภาคีจังหวัดและมาตรา 87 แห่ง พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 เป็นต้น
ดร.พจน์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการ กกร. สนับสนุนการยกระดับคุณภาพชีวิตแรงงาน ตามหลักสากลหรือองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ทั้งในด้านชั่วโมงการทำงานที่เหมาะสม สิทธิการลา การคุ้มครองศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ และสนับสนุนการกลไกแรงงานสัมพันธ์ภายในองค์กรในการกำหนดแนวทางที่เหมาะสม เพื่อประเมินผลกระทบเชิงปริมาณและจัดทำมาตรการรองรับอย่างรอบคอบ สุดท้ายนี้ ขอย้ำให้เห็นว่า กระบวนการจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนจำนวนมาก หรือกฎหมายมหาชน ควรมีการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน ซึ่งในกรณีนี้ ยังขาดข้อมูลที่เพียงพอและอาจส่งผลต่อกลุ่มที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ดังนั้น กกร. จึงขอคัดค้านร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ ทั้ง 3 ฉบับ ที่ไม่สอดรับกับข้อกำหนดองค์การแรงงานระหว่างประเทศ (ILO) ไม่สามารถปฏิบัติได้จริง ขาดการรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างรอบด้าน และเห็นควรให้มีการทำประชาพิจารณ์ใหม่อย่างรอบด้านทั้งให้มีตัวแทน สภาอุตสาหกรรมจังหวัด หอการค้าจังหวัด องค์กรนายจ้าง องค์กรลูกจ้าง (ไตรภาคี) ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง โดยให้กระทรวงแรงงาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เป็นตัวกลางในการดำเนินการดังกล่าว
-----------------------
ในส่วนของร่างพระราชบัญญัติบริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาด พ.ศ. …
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้กล่าวถึงจุดยืนของ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ว่า เห็นด้วยในหลักการและบางมาตรการ แต่ควรปรับให้ชัดเจนและไม่ซ้ำซ้อนกฎหมายเดิม
กกร. ตระหนักกับปัญหามลพิษทางอากาศเป็นอย่างยิ่งและเห็นด้วยกับเจตนารมณ์ของร่างกฎหมายที่มุ่งยกระดับคุณภาพสิ่งแวดล้อมและลดปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 แต่มีข้อกังวลเรื่องความซ้ำซ้อนกับกฎหมายเดิม เช่น พ.ร.บ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ. โรงงาน พ.ศ. 2535 รวมถึงกฎหมายเฉพาะของหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลมลพิษทางอากาศอยู่แล้ว ซึ่งอาจสร้างความซ้ำซ้อนด้านอำนาจหน้าที่ และเพิ่มต้นทุนต่อภาคธุรกิจโดยไม่จำเป็น
ดังนั้น กกร. จึงขอเสนอประเด็นสำคัญที่ควรทบทวน เพื่อให้กฎหมายฉบับนี้เกิดผลในทางปฏิบัติได้จริง ดังนี้
กกร. เห็นว่าการมีกฎหมายเพื่ออากาศสะอาดเป็นสิ่งจำเป็น แต่ต้องยึดหลัก ไม่ซ้ำซ้อน ไม่เพิ่มภาระและสร้างสมดุลระหว่างสิ่งแวดล้อมกับความสามารถในการแข่งขันของประเทศ เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ดังนั้น กกร. เห็นว่าเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องจัดทำการประเมินผลกระทบของกฎหมาย (RIA) ตามมาตรฐานสากล ที่สามารถวัดผลได้ สำหรับกฎหมายที่จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจ โดยหน่วยงานกลางที่มีความเป็นอิสระและน่าเชื่อถือ
-----------------------
สำหรับ ร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ..) พ.ศ. … นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ได้กล่าวถึง ดังนี้
กกร. เข้าใจถึงข้อกังวลเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายโรงงานในประเด็นปัญหาต่างๆ เช่น โรงงานที่ส่งผลกระทบต่อชุมชนและสิ่งแวดล้อมตามที่เป็นข่าวในช่วงที่ผ่านมา อีกทั้ง กกร. ยังสนับสนุนให้มีการยกระดับมาตรฐานโรงงานอุตสาหกรรม
อย่างไรก็ตาม กกร. มีความกังวลเป็นอย่างยิ่งต่อร่างพระราชบัญญัติโรงงาน (ฉบับที่ ...) พ.ศ. .... ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภาขณะนี้ เนื่องจากประเด็นที่มีการเสนอแก้ไขในหลายประเด็น ส่งผลกระทบรุนแรงต่อภาคอุตสาหกรรมไทย ลดขีดความสามารถในการแข่งขัน กระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยมีข้อกังวลหลายประการ ดังนี้
กกร. ไม่เห็นด้วยต่อแนวทางการนำระบบใบอนุญาตแบบมีอายุกลับมาใช้ เนื่องจากระบบดังกล่าวเคยสร้างปัญหาในอดีต ทั้งขั้นตอนการขออนุญาตที่ซับซ้อน ความล่าช้า ภาระด้านเอกสารเกินจำเป็น และเปิดช่องให้เกิดการทุจริตซึ่งขัดต่อหลักการบริหารภาครัฐสมัยใหม่และแนวนโยบาย B-Ready (Ease of Doing Business) ที่รัฐบาลจะไม่สร้างอุปสรรคในการเข้าสู่ตลาดของผู้ประกอบธุรกิจโดยไม่จำเป็น และเป็นหลักการที่รัฐประกาศส่งเสริมมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังส่งผลต่อคะแนนการประเมินด้านการเข้าสู่ธุรกิจ (Business Entry) ในปี 2569
การนำระบบใบอนุญาตกลับมาใช้ โดยมุ่งหวังว่าจะช่วยในการตรวจสอบคัดกรองโรงงานที่มีปัญหา เป็นการแก้ไขที่ไม่ถูกจุด เนื่องจากตามกฎหมายปัจจุบัน ภาครัฐมีอำนาจในการเข้าตรวจโรงงานได้อยู่แล้ว ในกรณีที่มีข้อสงสัยว่าโรงงานไม่ได้ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย การรื้อฟื้นระบบการขออนุญาต จึงไม่จำเป็น และในทางกลับกันจะสร้าง “ความไม่แน่นอนทางธุรกิจ” อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อใบอนุญาตใกล้หมดอายุ อาจทำให้สถาบันการเงินและคู่ค้าอาจชะลอการพิจารณาเครดิตหรือการลงทุน อีกทั้งยังอาจเป็นช่องทางให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ง่าย
กกร. ไม่ขัดข้องต่อแนวความคิดในการกำหนดมาตรการพิเศษที่เข้มงวดขึ้น เพื่อใช้บังคับกับโรงงานที่มีความเสี่ยงสูง แต่การใช้มาตรการดังกล่าว จะต้องจำกัดขอบเขตเฉพาะกับโรงงานควบคุมพิเศษประเภทที่เกี่ยวข้องกับของเสียอันตราย หรือที่มีความเสี่ยงเฉพาะด้านเท่านั้น หากเปิดกว้างให้เป็นดุลยพินิจของผู้บังคับใช้กฎหมายในการออกกฎกระทรวงหรือประกาศเพิ่มเติมตามความจำเป็น อาจจะส่งผลให้ในอนาคต โรงงานทั่วไปที่ไม่ได้สร้างปัญหา อาจจะต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมที่เข้มงวดจนเกินความจำเป็น ซึ่งเป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ
กกร. เห็นว่า การเพิ่มอัตราโทษหรือเปลี่ยนประเภทของโทษ โดยเฉพาะการเปลี่ยนโทษปรับเป็นโทษจำคุก ต้องมีข้อมูลเชิงประจักษ์รองรับว่าการบังคับโทษในปัจจุบันไม่สามารถแก้ปัญหาในปัจจุบันได้ และต้องอยู่บนหลักความได้สัดส่วน (Proportionality) และต้องใช้อย่างจำกัด เพื่อไม่ให้เป็นการละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ประกอบการ
การเพิ่มโทษโดยไม่มีข้อมูลรองรับ นอกจากจะละเมิดสิทธิขั้นพื้นฐานของผู้ประกอบการ ยังทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ
กกร. สนับสนุนหลักการมีส่วนร่วมของประชาชน แต่การเปิดให้ประชาชนเข้าสังเกตการณ์ภายในโรงงานโดยตรงนั้นไม่เหมาะสมในทางปฏิบัติ เพราะอาจกระทบต่อความลับทางการค้าและข้อมูลทางธุรกิจ รวมถึงอาจเกิดความขัดแย้งระหว่างประชาชนกับผู้ประกอบการโดยไม่จำเป็น
กกร. เห็นว่า ควรให้ภาครัฐทำหน้าที่เป็นคนกลางในการตรวจสอบ และสื่อสารให้ข้อมูลกับประชาชนอย่างโปร่งใส อย่างไรก็ตาม หากจำเป็นต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วม ควรกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าสังเกตการณ์และมาตรการคุ้มครองข้อมูลความลับทางการค้าและข้อมูลทางธุรกิจอย่างรัดกุมและชัดเจน
กกร. เห็นว่าตลาดประกันภัยในประเทศยังไม่พร้อมสำหรับการทำประกันในลักษณะนี้ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญโดยเฉพาะกับ SMEs ที่ต้องซื้อประกันภัยจากต่างประเทศในราคาสูง ซึ่งจะเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายและลดความสามารถในการแข่งขัน ภาครัฐจึงควรเร่งพัฒนาตลาดประกันภัยภายในประเทศให้มีความพร้อมก่อนเริ่มบังคับใช้
กกร. ขอเรียนว่าโรงงานส่วนใหญ่ในประเทศเป็นโรงงานที่มีมาตรฐานการดำเนินงานและปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด กกร. เห็นด้วยกับการดำเนินมาตรการกับโรงงานที่ฝ่าฝืนกฎหมายหรือก่อปัญหา แต่เห็นว่าไม่ควรกำหนดมาตรการใหม่ที่เป็นการเพิ่มภาระหรือสร้างอุปสรรคต่อโรงงานที่ปฏิบัติตามกฎหมายอยู่แล้ว
ปัญหาที่เกิดขึ้นจากโรงงาน ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากข้อบกพร่องของกฎหมาย แต่เกิดจากการบังคับกฎหมาย และการดำเนินการตามกลไกที่มีอยู่ยังไม่ครบถ้วน เช่น ระบบ Self-Declare ที่ยังไม่ถูกนำมาใช้ได้อย่างเต็มรูปแบบ ภาครัฐจึงควรมุ่งเน้นการพัฒนาระบบ Self-Declare ควบคู่กับการเพิ่มศักยภาพเจ้าหน้าที่ตรวจโรงงาน แทนที่จะเพิ่มขั้นตอนและภาระให้ภาคอุตสาหกรรม
กกร. ขอยืนยันว่าการปรับปรุงกฎหมายโรงงานควรยึดหลักความสมดุลระหว่างการกำกับดูแลกับการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ไม่ใช่เพิ่มภาระให้ผู้ประกอบการภาครัฐและประชาชนโดยไม่จำเป็น และขอให้มีการจัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนอย่างรอบด้าน และจัดทำการประเมินผลกระทบของกฎหมาย (RIA) โดยเฉพาะการวิเคราะห์ผลกระทบทางด้านเศรษฐศาสตร์ โดยการคำนวณต้นทุนและผลประโยชน์ (Cost and Benefit) อย่างจริงจัง เพื่อให้แน่ใจว่ากฎหมายใหม่นี้จะสามารถแก้ไขปัญหาได้ตรงจุด ไม่สร้างภาระเกินสมควร และไม่บั่นทอนความเชื่อมั่นในการลงทุนของประเทศเพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าได้อย่างมั่นคง ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน
ในช่วงท้าย กกร. ได้กล่าวเรียกร้องให้มีการทบทวนกระบวนการออกกฎหมายอย่างรอบคอบ โดยเน้นย้ำว่า การออกกฎหมายใหม่ที่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ควรยึดหลักความโปร่งใส เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน และจัดทำการประเมินผลกระทบของกฎหมาย (RIA) ตามหลักสากล เพื่อให้กฎหมายที่ประกาศใช้มีความสมดุลระหว่างการคุ้มครองแรงงาน สิ่งแวดล้อม และความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)


![]()
Chairman: Mr. Suwit Indrachalerm (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Mr. Suphawat Maseng
Objectives: This club is established with the approval of its members to carry out corporate social responsibility (CSR) activities consistent with the operations of the Thai Bankers’ Association as follows
This will close in 500 seconds
Chairman: Ms. Suteera Sripaibulya (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Sampantanee Apaipan
Objectives: This club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Than Siripokee (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Supada Ruttanapong
Objectives: This club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Paisarn Lertkowit (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Kristsanee Disapad
Objectives: This club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Kittichai Singha (Bank of Ayudhya Public Company Limited)
Coordinatior: Ms. Chutiporn Jiranansuroj
Objectives: This club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Pongpichet Nananukool (Kasikorn Bank Public Company Limited)
Coordinator: Mr. Warat Attanandana
Objectives: This club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Kitipong Muttamara (Krungthai Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Manisa Rueangsri
Objectives: This club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Atis Ruchirawat Ayudhya Capital Services Co., Ltd.
Coordinator: Ms. Apsorn Suttaroj
Objectives: This club is established
This will close in 500 seconds
Acting Chairman: Mr. Settarat Na-Nakorn (Kasikorn Bank Public Company Limited)
: Ms. Suchanee.lavanavanija (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Monruedee Teerarungruang
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Thitivorn Chothayaphorn (Bank of Ayudhya Public Company Limited)
Coordinator: K. Jitti Wijitbanjong
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Prathin Kijjaruwankul (Kiatnakin Phatra Bank Public Company Limited)
Coordinator: Mr. Thammanun Harnprasitkam
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Ms. Oranuch Nampoolsuksan (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Roongratt Ratanarajchartikul
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Dr. Phacharaphot Nuntramas (Krungthai Bank Public Company Limited)
Coordinator: Dr. Chamadanai Maknual
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Ms. Pornvalai Kulrojseth (Krungthai Bank Public Company Limited)
Coordinator: -
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Ms. Puntipa Hannoraseth (Bank of Ayudhya Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Tippawan Bannajirakul
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Ms. Waranee Wanrat (TMBThanachart Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Sunisa Netsawang
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Acting Chairman: Ms. Jeerana Ramasoot (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Natchanok Aryukong
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Dr. Vasin Udomratchatavanich Bank of Ayudhya Public Company Limited
Coordinator: Ms. Manduan Aeambunapong
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. Sant Thaosuwan (Bank of Ayudhya Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Wasunthree Tri-utok
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
Chairman: Mr. luesak Sukasem (Krungthai Bank Public Company Limited)
Coordinator: Ms. Nipaporn Daokhanon
Objectives: The Club is established
This will close in 500 seconds
ธรรมาภิบาล(Governance) : มีระบบการกำกับดูแลกิจการที่ดี และดำเนินการกำกับดูแลได้อย่างมีประสิทธิผลในระดับคณะกรรมการ โดยกำหนดภาระและขอบเขตความรับผิดชอบที่ชัดเจนในระดับการจัดการในเรื่องที่เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
This will close in 500 seconds
ยุทธศาสตร์ (Strategy) : บูรณาการพันธกิจด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล เข้ากับยุทธศาสตร์การดำเนินธุรกิจและกำหนดกรอบด้านการเงินที่ยั่งยืน โดยสนับสนุนเพื่อให้ประเทศสามารถเปลี่ยนผ่านไปสู่เป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้อย่างราบรื่น
This will close in 500 seconds
การบริหารความเสี่ยงด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมาภิบาล (ESG Risk Management) : ผนวกรวมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล ไว้ในกระบวนการบริหารความเสี่ยง
This will close in 500 seconds
ผลิตภัณฑ์ทางการเงิน(Financial Products) : ปรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน รวมทั้งนวัตกรรมทางการเงินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและยั่งยืน
This will close in 500 seconds
การสื่อสาร (Communication) : สื่อสารและประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในการสร้างจิตสำนึกสาธารณะด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล
This will close in 500 seconds
การเปิดเผยข้อมูลทางการเงิน (Disclosure) : พัฒนาระบบการติดตามและการรายงานที่สอดคล้องกับกรอบการกำกับดูแลของประเทศไทยและมาตรฐานการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืนในระดับสากล
This will close in 500 seconds
ตัวอย่าง
ใช้บัตรกดเงินสด
วงเงินหมุนเวียน 15,000 บาท
ผ่อนขั้นต่ำ (3%) มาแล้ว 5 ปี
เหลือจ่ายเงินต้นอีก 8,700 บาท
ทางเลือกที่ 1 : ผ่อนขั้นต่ำต่อไปจนครบ ดอกเบี้ย 25% ต่อปี ผ่อนต่ออีก 13 ปี 5 เดือน
เหลือจ่ายดอกเบี้ยอีก 14,000 บาท
ดอกเบี้ยรวมทั้งสัญญา 29,000 บาท
ทางเลือกที่ 2 : เข้าโครงการแก้หนี้เรื้อรัง ดอกเบี้ย 15% ต่อปี ผ่อนต่ออีก 3 ปี 6 เดือน (เดือนละ 260 บาท)
เหลือจ่ายดอกเบี้ยอีก 2,500 บาท
ดอกเบี้ยรวมทั้งสัญญา 17,500 บาท
*ประหยัดดอกเบี้ยได้ 11,500 บาท*
หมายเหตุ: ผ่อนเดือนละ 260 บาท เท่ากับยอดการผ่อนขั้นต่ำ ณ เดือนสุดท้ายของปีที่ 5 ก่อนเข้าโครงการ
3 เรื่องต้องรู้ก่อนเข้าร่วมมาตรการปิดจบ หนี้เรื้อรัง
**สามารถขอออกจากมาตรการได้ แต่จะไม่ได้รับสิทธิแก้หนี้ตามเงื่อนไขเดิม**
ตอบข้อสงสัย มาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง
(1) ทำไมมาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง ไม่รวมหนี้บัตรเครดิต?
(2) ทำไมต้องมีเงื่อนไขปิดวงเงินหากเข้าร่วมมาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง
(3) การเข้ามาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง จะมีการรายงานข้อมูลในเครดิตบูโร (NCB) หรือไม่
ทำไมมาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง ไม่รวมหนี้บัตรเครดิต?
เพราะหนี้บัตรเครดิตมี (1) อัตราดอกเบี้ย และ (2) เงื่อนไขการผ่อนชำระที่ทำให้ไม่เข้าข่ายหนี้เรื้อรังที่จ่ายดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้นและใช้เวลานานในการปิดจบ
ลูกหนี้บัตรเครดิตจ่ายขั้นต่ำที่ 8% ทำให้จ่ายชำระเงินต้นมากกว่าดอกเบี้ย ลูกหนี้สามารถปิดจบหนี้ได้ภายในระยะเวลาไม่นานนัก
บัตรกดเงินสดมักจ่ายขั้นต่ำที่ 3% และดอกเบี้ยส่วนใหญ่อยู่ที่ 25% ต่อปี ซึ่งจะทำให้ ตัดจ่ายดอกเบี้ย 2% และตัดเงินต้นเพียง 1%
การเข้ามาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง จะมีการรายงานข้อมูลในเครดิตบูโร (NCB) หรือไม่
จะมีการรายงานข้อมูลใน NCB โดยเพิ่มการรายงานประเภทของสัญญาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ "รหัส (code) 03" โดยจะไม่กระทบสถานะบัญชีลูกหนี้ที่ยังเป็น 10-ปกติ เช่นเดิมทั้งนี้ การรายงานนี้ จะช่วยให้ผู้ให้บริการทราบถึงการเข้าโครงการซึ่งสะท้อนความตั้งใจที่ดีในการแก้ปัญหาหนี้ของลูกหนี้
3 เรื่องต้องรู้ หากจ่ายขั้นต่ำบัตรกดเงินสดนาน ๆ
แบบไหนเข้าข่ายปัญหาหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt - PD)
1. แม้ภาระต่อเดือนไม่สูง แต่ใช้เวลานาน กว่าจะหมดหนี้
2. ยอดขั้นต่ำที่จ่ายแต่ละเดือนเป็นดอกเบี้ยมากกว่าเงินต้น
3. เมื่อผ่อนจบพบว่ายอดรวมที่จ่ายไปส่วนใหญ่คือ ดอกเบี้ย
อยากหมดหนี้ไว ㆍจ่ายดอกเบี้ยลดลง ㆍ ภาระต่อเดือนไม่เพิ่มจากเดิม
เลือกเข้ามาตรการปิดจบหนี้เรื้อรังได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
หมายเหตุ : ลูกหนี้ที่เข้าข่ายเป็นหนี้รื้อร้ง จะได้รับการติดต่อจากเจ้าหนี้ โดยหาก 5 ปีที่ผ่านมา ลูกหนี้จ่ายดอกเบี้ยรวมมากกว่าเงินต้นรวม จะได้รับข้อเสนอปิดจบหนี้ภายใน 5 ปี ดอกเบี้ยไม่เกิน 15% ต่อปี
ทำไมต้องมีเงื่อนไขปิดวงเงินหากเข้าร่วมมาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง
เงื่อนไขการปิดวงเงินจะช่วยให้ลูกหนี้มีวินัยทางการเงินเพิ่มขึ้นและสามารถปิดจบหนี้ได้ภายใน 5 ปี
อย่างไรก็ดี กรณีลูกหนี้ที่เข้ามาตรการฯ มีความจำเป็นฉุกเฉิน เช่น เจ็บป่วย ได้รับอุบัติเหตุ ตกงาน ผู้ให้บริการอาจพิจารณาให้สินเชื่อได้ หากลูกหนี้มีความสามารถในการชำระหนี้เพียงพอ ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายและเงื่อนไขของผู้ให้บริการแต่ละแห่ง
กรณีลูกหนี้มีบัตรกดเงินสดมากกว่า 1 ใบ สามารถเลือกเข้าโครงการแค่บางบัตร และเก็บวงเงินบัตรกดเงินสดที่เหลือไว้ก่อนได้
มาตรการปิดจบหนี้เรื้อรัง..ช่วยเหลือลูกหนี้อย่างไร?
ถ้าได้รับแจ้งเตือนว่าเป็นลูกหนี้เรื้อรัง (severe PD) จะได้รับข้อเสนอให้สมัครเข้าร่วมมาตรการเพื่อปิดจบหนี้ ซึ่งจะได้รับประโยชน์จากการเข้าร่วมมาตรการ ดังนี้
** สำหรับลูกหนี้ที่เริ่มเรื้อรัง (general PD) ให้รีบติดต่อเจ้าหนี้หากต้องการแก้หนี้ เจ้าหนี้จะมีแนวทางให้ความช่วยเหลือที่เหมาะสมเป็นรายกรณี **
การแจ้งเตือนเมื่อเข้าข่ายลูกหนี้เรื้อรัง
ความถี่การแจ้งเตือนจากเจ้าหนี้
ช่องทางการแจ้งเตือน
โดยลูกหนี้เรื้อรังจะได้รับข้อเสนอแนวทางการปิดจบหนี้จากเจ้าหนี้ด้วย
หนี้เรื้อรัง คืออะโร.. แค่ไหนที่เรียกว่าเรื้อรัง?
แบบไหนเข้าข่ายปัญหาหนี้เรื้อรัง (Persistent Debt - PD)
ลูกหนี้เรื้อรัง 2 แบบ
1. เริ่มเป็นหนี้เรื้อรัง (general PD)
2. เป็นหนี้เรื้อรัง (severe PD)
** ธปท. กำหนดเกณฑ์รายได้ เพื่อมุ่งให้ความช่วยเหลือลูกหนี้ที่เดือดร้อนที่สุดก่อน โดยพิจารณาความเรื้อรังและรายได้ที่ไม่สูงมากของลูกหนี้ **
ทวงหนี้อย่างเป็นธรรม ต้องแจ้งข้อมูลสำคัญอะไรบ้าง
เจ้าหนี้จะต้องแจ้งรายละเอียดของภาระหนี้พร้อมข้อมูลสำคัญอื่น ๆ แก่ลูกหนี้ให้ครบถ้วน เช่น
และห้ามเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ก่อน ยกเว้น ลูกหนี้ล้มละลายหรือติดต่อไม่ได้
#ResponsibleLending #แก้หนี้ยั่งยืน #เจ้าหนี้รับผิดชอบ #ลูกหนี้มีวินัย
มีหนี้กับหลายเจ้าหนี้จะทำอย่างไร?
เคยปรับโครงสร้างหนี้แล้วขอปรับซ้ำได้ไหม?
หมายเหตุ: เกณฑ์ Responsible Lending ลูกหนี้มีสิทธิขอปรับโครงสร้างหนี้ ก่อนเป็นหนี้เสีย อย่างน้อย 1 ครั้ง และหลังเป็นหนี้เสีย อย่างน้อย 1 ครั้ง โดยนับรวมการปรับโครงสร้างหนี้ก่อน 1 ม.ค. 67
สัญญาณปัญหาหนี้
สัญญาณว่าลูกหนี้กำลังมีปัญหา เช่น จ่ายขั้นต่ำ จ่ายช้า กดบัตรเงินสดมาจ่ายคืนหนี้อื่น รายได้ไม่พอรายจ่าย ถ้าเห็นสัญญาณแบบนี้ไปคุยกับเจ้าหนี้ได้เลย !!
หมายเหตุ: สนใจติดต่อ Call center และสาขาของธนาคารที่ท่านใช้บริการ
ปิดหนี้ก่อนกำหนดได้ ไม่ต้องจ่าย Prepayment fee
Prepayment fee คือ ค่าปรับจากการไถ่ถอนสินเชื่อก่อนกำหนด
ธปท. ห้ามเรียกเก็บ prepayment fee ในสินเชื่อภายใต้กำกับของ ธปท. ดังนี้
** ยกเว้นสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่ผู้ให้บริการยังเรียกเก็บ prepayment fee ได้ในกรณีรีไฟแนนซ์ในช่วง 3 ปีแรกนับจากวันทำสัญญา เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสได้ดอกเบี้ยต่ำในช่วง 3 ปีแรก
ห้ามเรียกเก็บค่าปรับจากการปิดหนี้ก่อนกำหนด (Prepayment Fee)
ต่อไปนี้ !! สถาบันการเงินและ Non-bank ภายใต้การกำกับดูแลของ ธปท. ห้ามเรียกเก็บค่าปรับจากการปิดหนี้ก่อนกำหนด (Prepayment Fee)
ยกเว้น สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย ที่ผู้ให้บริการยังสามารถเรียกเก็บค่าปรับรีไฟแนนซ์ได้ในช่วง 3 ปีแรกนับจากวันทำสัญญา
หนี้ “ปรับ” ได้
ปัญหาหนี้มีทางออก เจ้าหนี้ต้องเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ ให้กับลูกหนี้ที่ยังไม่เคยได้รับการปรับโครงสร้างหนี้
1. เจ้าหนี้ต้องเสนอปรับโครงสร้างหนี้ (ก่อน 1 หลัง 1)
2. เจ้าหนี้ห้ามโอนขายหนี้ก่อนครบกำหนด 60 วัน หลังเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้ /กรณีให้เช่าซื้อหรือให้เช่าแบบ ลีสซิ่ง ต้องไม่บอกเลิกสัญญาหรือจำหน่ายทรัพย์ก่อนครบกำหนด 15 วัน หลังเสนอแผนปรับโครงสร้างหนี้
หมายเหตุ: สนใจติดต่อ Call center และสาขาของธนาคารที่ท่านใช้บริการ
Chairman: Mr. Atit Wongsasithorn
Coordinator: Ms. Disney Thanaratveroj
Objectives: The Club was established to support the operations of member commercial banks and to serve as an integral part of the Thai Bankers’ Association (TBA) in promoting collaboration, knowledge sharing, and effective engagement with relevant stakeholders. Its main objectives are as follows:
ประธาน: คุณอธิศ วงส์ศศิธร
ผู้ประสานงาน: คุณดิสนีย์ ธนารัฐเวโรจน์
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่สนับสนุนการดำเนินงานของธนาคารพาณิชย์ที่เป็นสมาชิกของชมรม
Chairman: Khun Wattanaron Witthayapraphakul (United Overseas Bank (Thai) Public Company Limited)
Coordinator: Khun Pattamaphon Thuansakul
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณวัฒนรณ วิทยประภากุล (ธนาคารยูโอบี จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณปัทมาพร เตือนสกุล
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Than Siripokee (Acting Chairman)
Coordinator: Khun Supada Ruttanapong
Objectives: This club is established
ประธาน: คุณทัฬห์ สิริโภคี (รักษาการประธาน)
ผู้ประสานงาน: คุณศุภดา รัตนพงษ์
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Prathin Kijjaruwankul (Kiatnakin Phatra Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Thammanun Harnprasitkam
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณประทิน กิจจารุวรรรกุล (ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณธรรมนูญ หาญประสิทธิ์คำ
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Atip Silpajikarn (Ayutthaya Capital Services Company Limited)
Coordinator: Khun Wasunthree Tri-utok
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณอธิป ศิลป์พจีการ (บริษัท อยุธยา แคปปิตอล เซอร์วิสเซส จำกัด)
ผู้ประสานงาน: คุณวสุนทรี ไตรอุโฆษ
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Oraphan Siritanyong (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Nipaporn Daokhanon
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณอรพรรณ ศิริตันหยง (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณนิภาพร ดาวขนอน
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Thitivorn Chothayaphorn (Bank of Ayudhya Public Company Limited)
Coordinator: Khun Jitti Wijitbanjong
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณฐิติวร โชตยาภรณ์ (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณจิตติ วิจิตรบรรจง
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Suteera Sripaibulya (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Sampantanee Apaipan
Objectives: This club is established
ประธาน: คุณสุธีรา ศรีไพบูลย์ (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณสัมพันธนี อภัยพันธุ์
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Panabhand Hankijjakul (Krungthai Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Oraphan Ketlertprasert
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณปานะพันธ์ หาญกิจจะกุล (ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณอรพรรณ เกตุเลิศประเสริฐ
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Co Acting Chairman: Khun Settarat Na-Nakorn (Kasikorn Bank Public Company Limited)
Co Acting Chairman: Khun Suchanee Lavanavanija (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Monruedee Teerarungruang
Objectives: The Club is established
รักษาการประธาน: คุณเศรษฐรัฐ ณ นคร (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน))
รักษาการประธาน: คุณสุชาณี ลวนะวณิช (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณมลฤดี ตีรรุ่งเรือง
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Worawat Suwakon (The Siam Commercial Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Wichitra Tangsangkharom
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณวรวัจน์ สุวคนธ์ (ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณวิจิตรา ตั้งสังขะรมย์
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Phattrapha Hongkumdee (Kasikorn Bank Public Company Limited)
Coordinator: Mr. Warat Attanandana
Objectives: This club is established
ประธาน: คุณภัทราภา หงษ์คำดี (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณวรัท อัตตะนันทน์
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Piyapong Sangpattarachait (Kasikornbank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Watchakan Sethaput
Objectives: This club is established
ประธาน: คุณปิยะพงศ์ แสงภัทราชัย (ธนาคารกสิกรไทย จำกัด(มหาขน))
ผู้ประสานงาน: คุณวัชกานต์ เศรษฐบุตร
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Dr. Phacharaphot Nuntramas (Krungthai Bank Public Company Limited)
Coordinator: Dr. Chamadanai Maknual
Objectives: The Club is established
ประธาน: ดร.พชรพจน์ นันทรามาศ (ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: ดร.ฉมาดนัย มากนวล
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
ประธาน: คุณสุวิทย์ อินทรเฉลิม (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณศุภวัตร มะเส็ง
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านความรับผิดชอบต่อสังคมโดยความเห็นชอบของสมาชิกซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานของสมาคมธนาคารไทย ดังนี้
Chairman: Khun Suwit Indrachalerm (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Suphawat Maseng
Objectives: This club is established with the approval of its members to carry out corporate social responsibility (CSR) activities consistent with the operations of the Thai Bankers’ Association as follows
Chairman: Khun Atis Ruchirawat (Krungsri Consumer)
Coordinator: Khun Apsorn Suttaroj
Objectives: This club is established
ประธาน: คุณอธิศ รุจิรวัฒน์ (กรุงศรี คอนซูมเมอร์)
ผู้ประสานงาน: คุณอัปสร สุทธาโรจน์
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Kittichai Singha (Bank of Ayudhya Public Company Limited)
Coordinatior: Khun Chutiporn Jiranansuroj
Objectives: This club is established
ประธาน: คุณกิตติชัย สิงหะ (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณชุติภรณ์ จิรนันท์สุโรจน์
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Acting Chairman: Khun Jeerana Ramasoot (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Supawadee Soita
Objectives: The Club is established
รักษาการประธาน: คุณจีรณา รามสูต (ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณสุภาวดี สร้อยตา
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Sureporn Tuncharuen (Siam Commercial Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Sunisa Netsawang
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณสุรีพร ตันจรูญ (ธนาคารทหารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณสุนิษา เนตรสว่าง
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Prassanee Uiyamapan (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Warintra Srithipakorn
Objectives: This club is established
ประธาน: คุณปรัศนี อุยยามะพันธุ์ (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณวรินทรา ศรีทิพากร
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น
Chairman: Khun Oranuch Nampoolsuksan (Bangkok Bank Public Company Limited)
Coordinator: Khun Roongratt Ratanarajchartikul
Objectives: The Club is established
ประธาน: คุณอรนุช นำพูลสุขสันติ์ (ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน))
ผู้ประสานงาน: คุณสาวรุ่งรัตน์ รัตนราชชาติกุล
วัตถุประสงค์: ชมรมฯ นี้ตั้งขึ้น