เล็ง “ยืนยันตัวตน” ยกระดับฝากเงินผ่านตู้อัตโนมัติ ตัดตอนมิจฉาชีพ
กรณีวัยรุ่นหญิง 19 ปี ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง เพราะผิดหวังซ้ำ ๆ ถึง 4 ครั้ง จากการถูกแก๊งคอลเซนเตอร์ หลอกให้โอนเงินผ่านบัญชีม้า ซึ่งเหตุสลดที่เป็นต้นเหตุนี้ ก็เป็นภัยอันดับ 1 ในคดีออนไลน์ นำมาสู่ หน่วยงานรัฐ เร่งยกระดับความปลอดภัยทางการเงินเพิ่ม ล่าสุดมาที่ระบบการฝากเงิน ผ่านตู้ฝากเงิน ตั้งแต่วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้เป็นต้นไป ต้องยืนยันตัวตน แล้วต้องทำอะไรบ้าง ยุ่งยากหรือไม่ ทำแล้วจะช่วยลดพิษภัยการถูกหลอก ระงับความเสียหายได้ทันท่วงทีจริงหรือไม่ เดี๋ยวเราไปไล่เรียงกัน
ตามที่เกริ่นเลย มิจฉาชีพในแวดวงการเงินไม่ได้ลดละ แถมยังสรรหา และพลิกแพลงวิธีที่พร้อมจะล้วงเงินในกระเป๋าได้เสมอ ซึ่งในรอบกว่า 1 ปี 7 เดือน 14 ภัยทางการเงิน ก็ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชนแล้วกว่า 46,600 ล้านบาท 46,656,595,421 ล้านบาท จากที่มีประชาชนไปแจ้งความและดำเนินการตามกฎหมายกว่า 355,000 คดี
จากยอดมูลค่าความเสียหายนี้เอง สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. กำหนดมาตรการให้ ธนาคารแห่งประเทศไทย และสถาบันการเงิน เพิ่มมาตรการพิสูจน์ตัวตน ผู้ทำรายการฝากเงินสดที่ตู้อัตโนมัติของทุกธนาคาร เริ่มใช้วันที่ 11 พฤศจิกายนนี้ หลังตรวจพบขั้นตอนการฝากเงินผ่านตู้ฯ เป็นอีกช่องทางที่มิจฉาชีพนิยมใช้
เป็นความพยายามสกัดก่อนเกิดปัญหา ดีกว่าปล่อยให้เกิดปัญหาแล้วมาตามแก้ เพราะจากสถิติการยึดทรัพย์ของ ปปง. กลับคืนผู้เสียหาย ต้องบอกว่า เงินได้คืนมีจำนวนน้อยนิด เมื่อเทียบกับเงินที่สูญไป เป็นข้อมูลของปี 2565 ยึดทรัพย์จากผู้ก่อเหตุได้ 3,600 ล้านบาท แต่ผู้เสียหายได้เงินคืนรวมกันเพียง 800 ล้านบาท เพราะเงินถูกผ่องถ่าย ส่งต่อ ๆ กันไป ทั้งวิธีโอนเงิน และการฝากเงินผ่านตู้ฝากเงิน จนตามไม่ได้
เมื่อมีมาตรการออกมาแล้ว ทีนี้มาดูฝั่งกำกับ สถาบันการเงินกันบ้าง พร้อมแค่ไหนในการวางระบบเพื่อรองรับมาตรการใหม่ที่ออกมา แน่หรือที่มาตรการเหล่านี้จะไม่กระทบต่อความสะดวกในการใช้บริการของประชาชน ไปฟังคำอธิบายจากผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายการชำระเงินของแบงก์ชาติ
หลายคนอาจสงสัยการยืนยันตัวตนเพื่อฝากเงิน จะช่วยตัดตอนไม่ให้มิจฉาชีพอาละวาดได้อย่างไร โดยเฉพาะอาจมีผู้ที่ยินยอมให้บัตรเอทีเอ็ม, บัตรเดบิต และบัตรเครดิต ไปให้คนอื่นใช้ หรือ ถ้าคิดแบบเลวร้าย คือ ยอมขายเลขบัตรประชาชนให้มิจฉาชีพ เหมือนกับที่เกิดบัญชีม้าผุดเป็นดอกเห็ดสร้างปัญหาอยู่ในทุกวันนี้
ก็เป็นความเคลื่อนไหวของเรื่องการเงินใกล้ตัวที่อีกไม่วันมาตรการนี้ก็จะมีผลแล้ว แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป เท่าที่ดูขั้นต้นก็ไม่ได้มีอะไรเพิ่มเติม แต่ที่จะได้แต้มเพิ่ม คือ เส้นทางการเงินที่ตามตัวมิจฉาชีพได้ง่ายขึ้น ก็หวังว่าคดีทางการเงินจะค่อย ๆ ลดลง เพราะที่ผ่านมาผู้เสียหายที่สูญเงินไปก็จะได้เงินกลับคืนเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ช่อง CH7HD News
